ฟุตบอลไทย ฟุตบอลไทย ถือเป็นกีฬาที่นิยมสูงสุดในประเทศไทย มีสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลฟุตบอลไทย ซึ่งทำให้ประสบความสำเร็จในระดับอาเซียน
ฟุตบอลไทย กีฬาฟุตบอลในประเทศไทย ได้มีการเล่นตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสิทร์ เนื่องจากสมัยรัชกาลที่ 5 ไปศึกษาวิชาการด้านต่างๆ ที่ประเทศอังกฤษ และเป็นผู้ที่นำกีฬาฟุตบอลกลับมายังประเทศไทยเป็นคนแรกคือ(สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)” หรือ ที่ประชนชาวไทยมักเรียกชื่อสั้นๆว่า “ครูเทพ” ซึ่งท่านได้แต่งเพลงกราวกีฬาที่พร้อมไปด้วยเรื่องน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง
ฟุตบอลไทย ฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย
ฟุตบอลไทย ประเทศไทยมีการจัดแข่งฟุตบอลอาชีพหลักก็ คือไทยลีกจัดการโดย สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยในอดีตได้มีการแข่งขันเป็น โปรลีก จัดการโดยการกีฬาแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นการแข่งขันของทีมจากหลายภูมิภาคในประเทศไทย สำหรับทีมที่ชนะเลิศในไทยลีกจะมีสิทธิเข้าร่วมการแข่งขัน เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ที่เป็นการแข่งขันระดับทวีปเอเชีย และทีมที่ชนะในลีกนี้ก็จะมีสิทธิเข้าร่วมเล่นใน ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ ซึ่งเป็นการแข่งขันของ ทีมสโมสรในระดับโลก ในขณะเดียวกันทีมรองชนะเลิศจากไทยลีกก็จะได้ไปร่วมเล่นในการแข่งขัน เอเอฟซีคัพ ความเจริญก้าวหน้าของ ฟุตบอลในประเทศไทย ได้แผ่ขยายกว้างขวางทั่วประเทศไป สู่สโมสรกีฬา-ต่างจังหวัดหรือชนบทอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นที่นิยมกันทั่วไป ว่าควรที่จะตั้งศูนย์กลางหรือสมาคมอย่างเป็นระบบมีแบบแผนที่ดี โดยมีคณะกรรมการบริหารสมาคมคอยกำกับดูแล
ฟุตบอลไทย ความก้าวหน้าของ วิวัฒนาการฟุตบอลไทย
ฟุตบอลไทย มีวิวัฒนาการตามลำดับต่อไปนี้การเปลี่ยนแปลงของฟุตบอลไทย
เมื่อ พ.ศ. 2459 ไทยได้ตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งสยามขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2459 และสมาคมฯ ได้จัดการแข่งขันถ้วยใหญ่และถ้วยน้อยเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2468 เป็นภาคีสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2468
เมื่อ พ.ศ. 2499 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ครั้งที่ 3 สมาคมฟุตบอลไทย ได้สิทธิ์ส่งทีมฟุตบอลชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขัน “กีฬาโอลิมปิก” ครั้งที่ 16 เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2499 ที่ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย พ.ศ. 2500 เป็นภาคีสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504-ปัจจุบัน สมาคมฟุตบอลไทยได้จัดการแข่งขันฟุตบอล ถ้วยน้อย และถ้วยใหญ่ ซึ่งภายหลังได้จัดการแข่งขันเป็นแบบเดียวกันทั้งสมาคมฟุตบอลอังกฤษคือจัดเป็นประเภทถ้วยพระราชทาน ก, ข, ค, และ ง และยังจัดการแข่งขันประเภทอื่นๆ เช่น ฟุตบอลนักเรียน ฟุตบอลเตรียมอุดม ฟุตบอลอาชีวะ ฟุตบอลเยาวชน ฟุตบอลอุดมศึกษา ฟุตบอลเอฟเอ คัพ ฟุตบอลคิงส์คัพ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้จัดการแข่งขันและส่งทีมเข้าร่วมกับทีมนานาชาติอีกมากมายจนถึงปัจจุบัน
ฟุตบอลไทย ระบบลีกฟุตบอลไทย
ฟุตบอลไทย ระบบลีกในฟุตบอลไทย ถือกำเนิดขึ้นอยางไม่เป็นทางการในปี พ.ศ. 2508 ซึ่ง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก่อตั้งการแข่งขันเพิ่มเติมทั้ง ถ้วยพระราชทานประเภท ค. และ ถ้วยพระราชทานประเภท ง. เพื่อรองรับระบบการแข่งขันเป็นระดับชั้นตามสมาคมฟุตบอลอังกฤษ โดยการแข่งขันที่มีอยู่เดิมคือ ถ้วยพระราชทานประเภท ก. และ ถ้วยพระราชทานประเภท ข และได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2539 เมื่อสมาคมฟุตบอลไทย ได้ก่อตั้งการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีกขึ้นมา รวมทั้งไทยลีกดิวิชั่น 1 ในปี พ.ศ. 2540 และ ไทยลีกดิวิชั่น 2 ในปี พ.ศ. 2550 และในปี พ.ศ. 2559 ได้ยุบถ้วยพระราชทาน ข., ค. และ ง. ได้รวมกันเป็น ไทยลีก อเมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์ กับก่อตั้งไทยลีก 3 และได้โอนถ้วย ก. ไปเป็นถ้วยของไทยลีก (ไทยพรีเมียร์ลีก), ถ้วย ข. เป็นถ้วยสำหรับแชมป์ ไทยลีก 2, ถ้วย ค. เป็นถ้วยสำหรับแชมป์ ไทยลีก 3 และถ้วย ง. เป็นถ้วยสำหรับแชมป์ ไทยลีก 4 ต่อมาในปี พ.ศ. 2563 ได้ยุบไทยลีก 4 เข้ากับไทยลีก 3
ฟุตบอลไทย การเติบโตของฟุตบอลของไทย
ฟุตบอลไทย การเติบโตของฟุตบอลของไทย โดยส่งผ่านการลงทุนในการทำทีมฟุตบอล สื่อโทรทัศน์ อุปกรณ์กีฬา หรือ สินค้าเสื้อกีฬาและของที่ระลึก สถาบันสอนกีฬา และยังก่อให้เกิดการจ้างงาน และการเกิดขึ้นของอาชีพใหม่ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากจุดนี้ต้องยอมรับว่าการที่นักเตะไทยส่วนใหญ่ในทีมชาติชุดนี้ (ฝีเท้าก็ดีด้วย) ทำให้กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดได้โดยง่าย และรสนิยมของคนไทยที่นิยม ทำให้มูลค่าทางธุรกิจที่เกิดจากฟุตบอลไทยเติบโตขึ้น
ถ้าติดตามฟุตบอลต่างประเทศจะพบว่านักฟุตบอลดังๆ ก็จะได้เป็นพรีเซนเตอร์สินค้าต่างๆ และมักตกเป็นข่าวที่อยู่นอกเหนือหน้ากีฬา อย่างเช่นเป็นแฟนกับดารานักร้องนางแบบ คนนั้นคนนี้ ยิ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการตลาดให้กับนักเตะเข้าไปอีก ซึ่งประเด็นนี้นักเตะไทย ได้เดินตามรอยเรียบร้อยแล้ว แม้ฟุตบอลไทยจะเดินหน้ามาได้ขนาดนี้ แต่ส่วนตัวยังอยากเห็นพัฒนาการของตัวสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่ต้องพัฒนาด้านการตลาดมากขึ้น ตามรอยสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นเลยก็ได้ ที่นัดชนกับทีมชาติไทยก็ขนเสื้อแฟนคลับมาขายและมีช็อปขายของที่ระลึกใจกลางกรุงโตเกียว ส่วนสโมสรเองตั้งแต่ระดับพรีเมียร์ลีกจนถึงดิวิชั่นสองต้องพัฒนาแบรนด์ของตัวเองต่อไปด้วยเช่นกัน